บทภาวนาเพื่อวอนขอสันติภาพในยูเครน นพวาร 17-25 มีนาคม 2022 

(ดัดแปลงจาก: Pope JPII's Prayer for Peace)  

  

ข้าแต่พระเจ้าแห่งความเมตตากรุณา พระองค์ทรงประทานสันติสุขแก่ข้าพเจ้าทั้งหลายตลอดมา และตรัสว่าความสุขแท้แด่ผู้สร้างสันติ “เพราะพวกเขาจะได้ชื่อว่าเป็นบุตรของพระเจ้า” พระองค์ทรงเรียกร้องให้ข้าพเจ้าทั้งหลายดําเนินในหนทางแห่งสันติและการคืนดี และมีเมตตาเหมือนที่พระองค์ทรงพระเมตตา ขอโปรดให้พระสุรเสียงของพระองค์ดังก้องในใจของทุกคน  

ข้าพเจ้าทั้งหลายภาวนาวิงวอน เพื่อชาวยูเครนที่กําลังประสบภัย สงคราม ความขัดแย้งและความตาย  โปรดอวยพระพรบรรดาผู้นําประเทศให้มีวิจารณญาณ วิสัยทัศน์ และความอุตสาหะ ในการสร้างโลกแห่งความยุติธรรมและสันติเพื่อทลายกำแพงแห่งความเกลียดชังและการแบ่งแยก 

ข้าพเจ้าทั้งหลายขอมอบถวายทุกครอบครัวและประชาชนในยูเครน  โปรดให้พวกเขาไม่แพ้พ่ายต่อความท้อแท้สิ้นหวัง แต่เป็นความหวังใหม่ ให้แก่กันและกันในยามวิกฤตินี้ โปรดให้ข้าพเจ้าทั้งหลายเป็นนํ้าหนึ่งใจเดียวกัน เคารพในศักดิ์ศรีและช่วยเหลือพี่น้องในยามยากไร้  

ขอโปรดประทานการพักผ่อนตลอดนิรันดร์แก่บรรดาผู้เสียชีวิต และโปรดบำบัดรักษาผู้บาดเจ็บทั้งหลาย โดยอาศัยคําเสนอวิงวอนของพระนางมารีย์ ข้าพเจ้าทั้งหลายวอนขอสันติภาพในยูเครน  

วันทามารีย์เปี่ยมด้วยพระหรรษทาน พระเจ้าสถิตกับท่าน ผู้ได้รับพระพรกว่าสตรีใดๆ และพระเยซูโอรสของท่านทรงได้รับพระพรยิ่งนัก สันตะมารีย์ พระมารดาพระเจ้า โปรดภาวนาเพื่อลูกทั้งหลาย ผู้เป็นคนบาป บัดนี้ และเมื่อจะตาย อาแมน

 

ถึงเวลาหรือยัง! ที่ผู้ผลิตสินค้า และผู้บริโภค ต้องร่วมรับผิดชอบในการแก้ปัญหาขยะต่างๆ โดยใช้หลักการ EPR

แน่นอนว่าไม่มีบริษัทไหนอยากได้ชื่อว่าเป็นตัวการสร้างขยะออกสู่สิ่งแวดล้อมมากที่สุด ซึ่งหลายคนโทษว่าก็เป็นเพราะพฤติกรรมการใช้ของผู้บริโภค และระบบจัดการขยะของภาครัฐที่ไม่มีประสิทธิภาพเอง จะโทษบริษัทได้อย่างไร ความจริงก็คือ บริษัทต่างๆ คือต้นทางหลักในการนำบรรจุภัณฑ์พลาสติกแบบใช้แล้วทิ้งเหล่านี้มาใช้ บริษัทยิ่งมีขนาดใหญ่ก็ยิ่งใช้มาก

สิ่งสำคัญที่บริษัทชั้นนำจำเป็นต้องนำมาใช้ในการออกแบบบรรจุภัณฑ์และร่วมแก้ปัญหาขยะที่เกิดจากสินค้าของตัวเองคือ หลักการขยายความรับผิดชอบของผู้ผลิต (Extended Producer Responsibility – EPR) ซึ่งโธมัส ลินด์ควิสท์ (Thomas Lindhqvist) แห่งมหาวิทยาลัยลุนด์ ประเทศสวีเดน เป็นคนเสนอแนวคิดนี้

โดยสรุป EPR (Extended Producer Responsibility) ก็คือ หลักการที่ให้ผู้ผลิตคำนึงถึงต้นทุนทางสิ่งแวดล้อม , ผู้ผลิตต้องมีความรับผิดชอบในการจัดการสินค้าของตัวเองหลังสินค้านั้นๆหมดอายุการใช้งาน หมายความว่า ความรับผิดชอบไม่ได้จบแค่การขายสินค้าเท่านั้น แต่ต้องคิดด้วยว่าเมื่อใช้เสร็จแล้วจะนำสินค้ากลับมาจัดการอย่างไร เพื่อแก้ปัญหาการจัดการของเสียและการนำวัสดุที่ยังใช้ได้กลับมารีไซเคิล โดยนโยบายนี้ จะทำให้ผู้ผลิตจะต้องคิดให้มากขึ้นในการออกแบบผลิตภัณฑ์ เพราะต้องร่วมรับผิดชอบจัดการในภายหลัง

การศึกษาเมื่อเร็วๆนี้ พบว่า ส่วนใหญ่หลักการ EPR จะถูกนำมาใช้ก็เมื่อมีการออกกฎหมายรองรับเพื่อบังคับให้ผู้ผลิตต้องปฏิบัติตาม โดยราวหนึ่งในสามเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็ก(ร้อยละ 35) รองลงมาคือบรรจุภัณฑ์ (17%) ยางรถยนต์ (17%) รถยนต์และแบตเตอรี่ (12%) และอื่นๆ เช่น น้ำมันเครื่องใช้แล้ว ผลิตภัณฑ์สี สารเคมี เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่และหลอดไฟ จะเห็นว่า ผลิตภัณฑ์ที่ถูกกำหนดให้ใช้หลักการหรือกฎหมาย EPR ล้วนแล้วแต่เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีการบริโภคสูงและมีต้นทุนการกำจัดค่อนข้างสูงด้วย

หนึ่งในตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดของ EPR ที่มีประสิทธิภาพมากๆ ก็คือระบบการคิดค่ามัดจำ ลองนึกถึงระบบมัดจำขวดสมัย 30-40 ปีที่แล้ว สมัยก่อนขวดแก้วกินเสร็จก็ต้องรวบรวมเอาขวดมาคืนเพื่อจะได้เงินมัดจำ วิธีนี้ทำให้ผู้ผลิตสามารถนำบรรจุภัณฑ์ที่ใช้เสร็จแล้วกลับเข้าสู่ระบบได้เกือบร้อยเปอร์เซนต์ หลักการนี้ยังใช้ได้ผล แม้จะเปลี่ยนมาเป็นขวดพลาสติกแล้วก็ตาม ในเยอรมนีที่มีระบบคิดค่ามัดจำขวดมีอัตราการรีไซเคิลขวดพลาสติกอยู่ที่ 99% เทียบกับอังกฤษที่ยังไม่มีกฎหมายมีอัตราการรีไซเคิลขวดพลาสติกอยู่ที่ 43% ในสหรัฐอเมริกา รัฐที่มีกฎหมายค่ามัดจำขวดยังสามารถประหยัดค่าเก็บและจัดการขยะมูลฝอยได้ปีละหลายร้อยล้านบาท
ลองคิดดูว่า หากผู้ผลิตมีการคิดค่ามัดจำบรรจุภัณฑ์ทุกประเภท เหมือนกับที่ครั้งหนึ่งเราต้องจ่ายค่ามัดจำขวดแก้ว ทำให้เราต้องนำขวดไปคืนที่ร้านทุกครั้งเพื่อจะได้ค่ามัดจำคืน พลาสติกจำนวนมากจะถูกนำเข้าสู่ระบบ รีไซเคิลแทนที่จะกลายเป็นขยะที่บ่อฝังกลบหรือหลุดรอดลงสู่แม่น้ำลำคลอง ออกสู่ทะเลและมหาสมุทร

ลองคิดดูว่า หากผู้ผลิต เลือกปรับเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์เป็นแบบที่สามารถนำมาใช้ใหม่ได้ (reuse) และส่งเสริมให้ผู้บริโภคหันมาซื้อสินค้าแบบเติม (refill) เลือกวัสดุที่สามารถนำกลับมาแปรรูป (recycle) ได้ 100% จะช่วยลดการสร้างขยะได้ขนาดไหน

ถึงเวลาแล้ว!! ที่บริษัทผู้ผลิตสินค้าต่างๆ ต้องมีส่วนช่วยแก้ปัญหาขยะพลาสติกอย่างจริงจังกว่านี้ โดยนำหลักการ EPR ไปใช้ในการออกแบบและจัดการผลิตภัณฑ์ตลอดวงจรชีวิต ไม่ใช่เพียงทำกิจกรรม CSR ฟอกเขียวไปเรื่อยๆ และโยนภาระกลับมาให้ผู้บริโภค เพราะจิตสำนึกเพียงอย่างเดียวไม่มีทางแก้วิกฤตขยะพลาสติกที่กำลังเกิดขึ้นได้

ทุกภาคส่วนในสังคมไทยทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาสังคม ควรศึกษาหลักการ EPR และเครื่องมือเชิงนโยบายอื่นๆ ที่ทั่วโลกได้นำมาใช้ เรียนรู้ประสบการณ์จากต่างประเทศและออกแบบระบบ EPR ที่เหมาะสมกับประเทศไทยที่จะช่วยให้เรามุ่งสู่เศรษฐกิจหมุนเวียนได้อย่างแท้จริง


อ้างอิง
ผลการตรวจสอบแบรนด์(Brand Audit) จากขยะพลาสติกในประเทศไทย ปี 2562
Coca-Cola is world’s biggest plastics polluter – again
CP and Coca-Cola among worst offenders for plastic pollution in Thailand based on Greenpeace report
Extended producer responsibility
EPR: The good, the bad and the ugly
History of EPR
Plastic Atlas 2019
Stakeholder Views on Extended Producer Responsibility and the Circular Economy
The Bottle Deposit Debate
เรียนรู้ประสบการณ์การจัดการขยะบรรจุภัณฑ์ในประเทศเยอรมนี
“ระบบความรับผิดชอบเพิ่มขึ้นของผู้ผลิต (EPR)และระบบมัดจำคืนเงิน
(DRS)โดย สุจิตรา วาสนาดำรงดี สถาบันวิจัยสภาวะแวดล้อม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

การกลับมาของฝูงชนอีกครั้งที่ลานหน้าวิหารนักบุญเปโตร;

พระสันตะปาปาทรงเรียกร้องให้ร่วมกันปกป้องรักษาสิ่งแวดล้อม

 

กรุงวาติกัน (สำนักข่าวรอยเตอร์)

 

 

ฝูงชนเริ่มกลับมารวมตัวกันที่ลานหน้าวิหารนักบุญเปโตรในวันอาทิตย์  เพื่อรับพรจากสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส  เมื่อทรงเสด็จมาที่หน้าต่างห้องของพระองค์ นับเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 3 เดือน  โดยพระองค์ทรงเรียกร้องให้เป็นปีที่เราไตร่ตรองในเรื่องสิ่งแวดล้อม

  

พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงโบกพระหัตถ์ให้ฝูงชนที่มาเข้าเฝ้าที่ลานหน้าพระวิหารนักบุญเปโตร หลังสวดบทภาวนาราชินีสวรรค์ โดยไม่มีการร่วมสวดของฝูงชน เนื่องจากสถานการณ์โรคระบาดโควิด 19 ที่กรุงวาติกัน เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2020     (Vatican Media/Handout via REUTERS ATTENTION EDITORS-THIS IMAGE HAS BEEN SUPPLIED BY A THIRD PARTY.)

 

มีผู้คนไม่มากนักไปที่ลานหน้าพระวิหารในวันจันทร์ (25พฤษภาคม 2020) เมื่อมีการเปิดพระวิหารและลานชุมนุมอีกครั้ง หลังจากที่ปิดมานานเนื่องจากสถานการณ์โรคระบาดไวรัสโคโลน่า ผู้คนยังคงต้องรักษาระยะห่างและสวมหน้ากาก

พระสันตะปาปาทรงกล่าวทางอินเตอร์เน็ต จากห้องสมุดของพระองค์ โดยผู้คนที่ลานหน้าวิหารเฝ้าชมทางจอภาพขนาดใหญ่ แล้วไปรับพระพรด้วยความสงบที่หน้าต่างห้องของพระสันตะปาปา ซึ่งในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา พระองค์ทรงอวยพร โดยไม่มีผู้คนในลานชุมนุมเลย

เมื่อวันอาทิตย์ (24พฤษภาคม 2020) เป็นวันครบรอบ 5 ปีของพระสมณสาสน์ “เลาดาโตซี”  เกี่ยวกับการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งเรียกร้องให้ลดการใช้เชื้อเพลิงจากฟอสซิล  และสนับสนุนแนวความคิดหลักทางวิทยาศาสตร์ ว่ากิจกรรมของมนุษย์มีส่วนในการทำให้เกิดปัญหาโลกร้อน (Global warming)

พระองค์ทรงเรียกร้องให้คริสตชนคาทอลิกรำพึงไตร่ตรองเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ในช่วงเวลา 12 เดือนนับจากนี้  ว่าเราจะทำอย่างไรเพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อม และจะทำอย่างไรที่จะช่วยบรรดาผู้ที่เดือดร้อนที่สุดจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ (Climate change)

พระองค์ทรงแสดงความยินดีกับคริสตชนคาทอลิกในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ ในโอกาสวันฉลองทางศาสนาแห่งชาติ   คาทอลิกในประเทศจีนต้องเผชิญการแบ่งแยกเป็นเวลามากกว่าครึ่งศตวรรษ กลายเป็นพระศาสนจักร 2 ส่วน คือ พระศาสนจักรที่ได้รับการรับรองจากรัฐ และพระศาสนจักรใต้ดินที่รัฐไม่รับรอง แต่เป็นกลุ่มที่เคารพต่อศูนย์กลางคาทอลิกที่กรุงโรม

ในปี 2018 พระสันตะสำนักและกรุงปักกิ่งได้สร้างประวัติศาสตร์โดยการร่วมกันลงนามในข้อตกลง เรื่องการแต่งตั้งพระสังฆราช (Bishops) ซึ่งหมายความว่า พระสังฆราชทุกองค์ (ของพระศาสนจักรทั้ง 2 กลุ่มในประเทศจีน )  จะยอมรับอำนาจปกครองของพระสันตะปาปา  แต่แล้วก็เกิดเหตุติดขัดขึ้น  คือ ในเดือนมิถุนายน วาติกันได้ขอให้ปักกิ่งระงับการกดดันพระสงฆ์ที่ไม่ยอมลงนามร่วมกับรัฐบาล  

เรื่องนี้ได้มีการรื้อฟื้นอีกครั้งในเดือนกันยายน ทำให้เกิดการแตกแยกของคาทอลิกในประเทศจีน และทั่วโลก และมีคำวิจารณ์ว่าพระสันตะปาปายอมอ่อนข้อให้รัฐบาลคอมมิวนิสต์

 

รายงานข่าวโดย Philip Pullella          เรียบเรียงโดย Mark Potter

Our Standards: The Thomson Reuters Trust Principles.

 

 

วิสัยทัศน์ พันธกิจ และนโยบายปฏิบัติหลัก เพื่อการพัฒนาชีวิตและพันธกิจของอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ ค.ศ.2020

นโยบายปฏิบัติหลัก เพื่อการเจริญชีวิตและปฏิบัติพันธกิจ งาน โครงการ กิจกรรม ในปี ค.ศ. 2020

1. เพื่อคริสตชนทุกคนมีความเข้าใจกฤษฎีกาสมัชชาฯ 2015 และลงมือปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม

2. เพื่อเสริมสร้างชีวิตแห่งการเป็นศิษย์พระคริสต์ที่มีพระวาจาเป็นศูนย์กลาง และเป็นศิษย์ธรรมทูตที่แท้จริงท่ามกลางสังคมโลกปัจจุบัน โดยอาศัยวิถีชุมชนคริสตชนย่อย และชีวิตหมู่คณะของชุมชนคริสตชนในรูปแบบใหม่

3. เพื่อให้ความสำคัญกับชีวิตครอบครัว ตามคำสอนของพระศาสนจักร และคำสอนของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส

4. เพื่อเน้นความเอาใจใส่ต่อสิ่งแวดล้อม ตามสมณสาสน์ Laudato Si’

5. เพื่อใช้สื่อสมัยใหม่ในงานอภิบาลและประกาศข่าวดีอย่างเต็มที่

6. เพื่อให้มีการประเมินผลโครงการ/กิจกรรมต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพตอบสนองเป้าหมาย

7. เพื่อการจัดการศึกษา การอบรมบุคลากร ที่มีความเสมอภาคตามเจตนารมณ์พระวรสาร ในชุมชนวัด โรงเรียน เป็นสนามประกาศข่าวดี

8. เพื่อการเฉลิมฉลอง 350 ปีการสถาปนามิสซังสยาม และ การฉลองปีพระวาจา ตามคำเชิญชวนของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส และสหพันธ์คาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์ ในปี ค.ศ. 2020

 jan 1,2015  อยุธยา  ประชุม
 sep 3,2015  นครปฐม  ประชุม

122/10 ชั้น 5 อาคารเซนต์โธมัส ซอยนาคสุวรรณ  ถนนนนทรี 
แขวงช่องนนทรี  เขตยานนาวา  กรุงเทพฯ 10120
โทร.0-2681-3846 ถึง 8  โทรสาร 0-2681-3849 
E-Mail: This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it." rel="alternate">This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

 

ศูนย์คาทอลิกนักบุญอันนาเพื่อผู้อพยพย้ายถิ่น

 

ศูนย์คาทอลิกนักบุญอันนาเพื่อผู้อพยพย้ายถิ่น ตั้งอยู่ในบริเวณวัดนักบุญอันนา ท่าจีน จ.สมุทรสาคร  เพื่อให้ความช่วยเหลือในด้านมนุษย์ธรรม เป็นต้นในเรื่องการให้การศึกษา การดูแลสุขอนามัย ส่งเสริมวัฒนธรรมชุมชนแก่กลุ่มแรงงานอพยพที่เข้ามาทำงานในเขตจังหวัดสมุทรสาคร  ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวพม่า มอญ เขมร ฯลฯ  โดยการสนับสนุนของอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ ซึ่งถือเป็นพันธกิจในงานด้านสังคม  ในการปฏิบัติความรักต่อเพื่อนพี่น้อง คนด้อยโอกาส คนชายขอบสังคมและคนพลัดถิ่น

 

ปัจจุบันมีศูนย์  3  ศูนย์  ส่วนใหญ่เป็นเด็กต่างด้าวชาติพันธ์  พม่า  มอญ  กะเหรี่ยง  โดยทั้ง 3 ศูนย์มีเด็กมาเรียนเฉลี่ยราว 380   คน

 

1. ศูนย์คาทอลิกนักบุญอันนาเพื่อผู้อพยพย้ายถิ่น St.Ann Catholic Center For Migrants (ACCM)

    ตั้งอยู่ที่วัดนักบุญอันนา ท่าจีน เปิดเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2010 ณ ปัจจุบัน(ปี 2561)มีเด็กมาเรียนวันละ 160 คน ชาย 100 คน หญิง 60 คน

 

2. ศูนย์มาริสต์เพื่อผู้อพยพย้ายถิ่น Marist Center For Migrants (MCM)

    ตั้งอยู่ย่านคลองครุ  เปิดเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2011  มี บราเดอร์จากคณะมาริสต์  ดำเนินการด้านการเรียนการสอน

    ปัจจุบัน(ปี 2561 )มีเด็กมาเรียนวันละ  120 คน ชาย 56 คน หญิง 64 คน

 

3. ศูนย์คาทอลิกนักบุญยออากิมเพื่อผู้อพยพย้ายถิ่น St.Joachim Catholic Center For Migrants (JCCM)

    ตั้งอยู่บ้านเอื้ออาทร  ท่าจีน  เปิดการเรียนการสอนเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2011 ที่ผ่านมา ปัจจุบัน(ปี 2561)มีเด็กมาเรียนวันละ  100  คน ชาย 55 คน  หญิง 45 คน

วัตถุประสงค์

1.เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้พลัดถิ่น แรงงานต่างด้าวและผู้ติดตาม(บุตร)ในเรื่องการศึกษา สุขภาพ และอนามัย

2.เพื่อส่งเสริมการสร้างปฏิสัมพันธ์ทางสังคมและวัฒนธรรมเพื่อความเป็นอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข

3.เพื่อส่งเสริมให้ผู้พลัดถิ่น แรงงานต่างด้าวและผู้ติดตาม(บุตร)สามารถพึ่งตนเองได้

4.เพื่อส่งเสริมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และลดความยากไร้แก่ผู้พลัดถิ่นและแรงงานต่างด้าว

กิจกรรม

1. ให้การศึกษาแก่เด็กต่างด้าวอายุตั้งแต่ 4-15 ปี

2. สอนภาษาไทยให้แก่วัยแรงงานในวันอาทิตย์

3. ส่งเสริมเรื่องสุขภาพอนามัย  และช่วยเหลือกรณีเจ็บป่วยแก่แรงงานต่างด้าวและผู้ติดตาม

4. จัดกิจกรรมให้ความรู้ในด้านต่างๆ แก่ผู้ปกครอง และเด็กๆ

5. จัดกิจกรรมเพื่อให้แรงงานต่างด้าวและเด็กได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมวันสำคัญ  และเทศกาลสำคัญต่างๆ

6. ดำเนินกิจกรรมอื่นๆ  ที่เป็นการให้ความช่วยเหลือแรงงานต่างด้าวทั่วๆไป เช่น กรณีให้ความช่วยเหลือแรงงานต่างด้าวที่ประสบปัญหา, การทำ Passportให้กับเด็กๆที่เรียนที่ศูนย์ฯ เป็นต้น

สถานที่ติดต่อ

ศูนย์คาทอลิกนักบุญอันนาเพื่อผู้อพยพย้ายถิ่น

วัดนักบุญอันนา ท่าจีน

79 ม.4 ต.บางหญ้าแพรก อ.เมือง  จ.สมุทรสาคร 74000

โทร.(034)819-056 ถึง 7

 

     

 

 

 

 --------------------------------------------------------

 

  

  1. คลิป1
  2. คลิป2
  3. คลิป3
  4. คลิป4
  5. Fratelli Tutti

 

  

ดูเพิ่มเติมได้ที่

ดูเพิ่มเติมได้ที่ช่อง YOUTUBE  caritas bangkok

 

 

  

  

ดูเพิ่มเติมได้ที่

ดูเพิ่มเติมได้ที่ช่อง YOUTUBE  caritas bangkok

 

 

 

 ดูเพิ่มเติมได้ที่

ดูเพิ่มเติมได้ที่ช่อง YOUTUBE  caritas bangkok

 

 

  

ดูเพิ่มเติมได้ที่

ดูเพิ่มเติมได้ที่ช่อง YOUTUBE  caritas bangkok

Fratelli Tutti ความสุขแท้แห่งสหัสวรรษที่3 (บทที่ 1-8)

บรรยายโดย คุณพ่อ ทัศนุ หัตถการกุล

 

 ตอนที่ 1

 

  ตอนที่ 2  | ตอนที่ 3  | ตอนที่ 4 | ตอนที่ 5 | ตอนที่ 6 | ตอนที่ 7 | ตอนที่ 8

 

 

 ดูเพิ่มเติมได้ที่

ดูเพิ่มเติมได้ที่ช่อง YOUTUBE  caritas bangkok

และช่อง YOUTUBE Thomas The Apostle church Bangkok

next
prev